brand logo

PHOTO | LIFE | INSPIRATION

Apr 2024

ปุย - สุรชัย แสงสุวรรณ
It’s Gonna Be ME!
ผู้เขียน : มายา เซเยอร์ส
ภาพ : ธันวา ลุจินตานนท์
23 Apr 2021

เส้นทางการเข้าสู่วงการช่างภาพแฟชั่นของปุย – สุรชัย แสงสุวรรณนั้นเรียกได้ว่า ‘ตามขนบ’ แบบเป๊ะๆ เริ่มต้นจากการเข้าเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะหลงใหลในงานศิลปะการแต่งหน้าเป็นพื้นฐาน ต่อยอดมาเป็นสมาชิกชมรมแต่งหน้า ลงเรียนวิชาแฟชั่นโฟโต้ เหมาทำโปรเจ็กต์ทั้งแต่งหน้าและถ่ายภาพด้วยตัวเอง และในที่สุด การสอบปลายภาคของวิชานั้นก็นำเขาเข้าสู่วงการประกวดภาพถ่าย Harper’s Bazaar and Canon Photography 2007 ในที่สุด “ปกติคนอื่นเขาก็ส่งกันเซ็ตเดียวนะครับ” ปุยให้สัมภาษณ์กับเราด้วยอาการสงบนิ่ง ซึ่งสารภาพว่าค่อนข้างขัดกับภาพลักษณ์ที่เราเห็นจนชินตาเมื่อครั้งเรากับเขาเป็นเพื่อนร่วมงานกันในนิตยสาร L’Officiel Thailand จนเราแอบตกใจในความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในครั้งนี้ “แต่เราทำให้อาจารย์เลือก 5 เซ็ตรวดเลย อาจารย์ก็ถามเราว่าอยากประกวดเฉยๆ หรืออยากเอาชนะกันแน่ ซึ่งเราก็ต้องอยากเอาชนะสินะ อาจารย์ก็เลยมาช่วยปรับงานให้ ถ่ายแก้กันหลายรอบ ก็ได้เข้ารอบไป จนชนะเลิศนั่นล่ะครับ” 

อย่าเพิ่งงงกันไป… ปุยเริ่มต้นเส้นทางชีวิตของเขาด้วยการเป็นช่างแต่งหน้า ด้วยแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจากหนังสือ Face Forward ของ Kevyn Aucoin ที่เบิกเนตรของเขา ให้เขาหลงใหลในการร่ายมนตร์ผ่านเครื่องสำอางจนตัดสินใจมาสมัครเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ในที่สุด แต่หลังจากที่เขาได้รับรางวัลชนะเลิศการถ่ายภาพในครั้งนั้น กุสุมา ไชยพร หรือ ‘ป้าไก่’ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Harper’s Bazaar ในตอนนั้นก็แนะนำให้เขาไปเป็น ‘เด็กสตู’ หรือผู้ช่วยช่างภาพที่สตูดิโอถ่ายภาพเพื่อหาประสบการณ์ “ตอนแรกเราก็เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละ” เขาเล่าต่อ “คือ เก็บเงินซื้อกล้องเอง ก็มาหาประสบการณ์การถ่ายภาพเอง แต่พอชนะปุ๊บ ก็รู้สึกว่ามันเหนือความคาดหวังไปเยอะมากเลย เราไม่แม่นอุปกรณ์ขนาดนั้น ป้าไก่เลยส่งเราไปเป็นเด็กสตูอยู่ครึ่งปี ก็ค่อยทำความเข้าใจกระบวนการถ่ายภาพจากตรงนั้น

“ครั้งแรกที่ถ่ายแฟชั่นเหรอครับ” ปุยนิ่งคิด “มันอยู่ในสัญญาผู้ชนะนั่นล่ะครับ ว่าเราจะต้องถ่ายแฟชั่นเซ็ตให้นิตยสาร Harper’s Bazaar งานแรกของเราพ่วงกับงานธีสิสของเราที่จังหวัดอุบลราชธานี เลยพาพี่โก้ (ณิชกุล กิตยานุพงษ์ – บรรณาธิการแฟชั่นของนิตยสาร Harper’s Bazaar ในขณะนั้น) ไปถ่ายแฟชั่นเซ็ต และด้วยความสวยของแลนด์สเคปที่นั่น เราก็ถ่ายออกมาได้ดี ถือว่ารอดตัวไป เลยได้โอกาสทำงานที่สอง คือไปถ่ายแฟชั่นกับวงออร์เคสตร้าที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา และก็ออกมาได้ดีอีกครั้งหนึ่ง ก็เลยได้ร่วมงานกับนิตยสาร Harper’s Bazaar มายาวๆ เลยครับ”

แล้วถ้าเหมาได้ทั้งแต่งหน้าและถ่ายรูป ทำไมในที่สุดถึงเลือกเส้นทางช่างภาพกันล่ะ เราอดสงสัยไม่ได้ แม้ว่าเรากับเขาจะเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน แต่เราก็เกิดไม่ทันวันที่เขาได้แสดงฝีมือการแต่งหน้าหรอก เรียกได้ว่ารู้จักกันก็เหลือแต่มาดช่างภาพแฟชั่นแล้ว “เอาจริงๆ ตอนนั้นเราก็คิดอยู่ว่าจะเอายังไงดีนะ” เขาถอนหายใจยาว “จริงๆ ตอนเด็กๆ ก็แต่งหน้าเอง ถ่ายเองเลยนั่นแหละ แต่พอโตมา ก็รู้สึกว่าการทำงานกับคนอื่นมันได้ทั้งพลังชีวิต ได้ทั้งไอเดีย และอะไรต่อมิอะไรเข้ามาด้วย ตอนนี้เวลาเราจะทำ drag race เราก็แต่งหน้าตัวเองอยู่นะ มันก็พอไปได้นั่นแหละ แต่ถ้าถามตรงๆ ว่าอยากกลับไปเป็นช่างแต่งหน้าไหม เราคิดว่าเราอยากจะทำงานกับคนอื่นมากกว่า เพื่อให้คนอื่นมาเติมช่องว่างที่ขาดไปของเรา เหมือนเรามีโจทย์ให้คนรอบตัว และให้เขามาตอบโจทย์ตรงนั้นให้สมบูรณ์แบบนั่นล่ะครับ” 

นอกเหนือไปจากการเป็นช่างภาพคอมเมอร์เชียลจ๋าๆ และช่างภาพแฟชั่นแนวสวิงสวาย มินิมอลคืออะไรไม่รู้จักแล้ว ปุยยังมีโปรเจ็กต์ส่วนตัวมากมาย ทั้งถ่ายภาพสัตว์หาบ้าน ถ่ายเด็กดาวน์ซินโดรม ถ่ายงานใต้ดินอย่างชีวิตของชาว LGBTQ และภาพอีโรติคอันเกี่ยวพันกับ BDSM เรียกได้ว่าปุยมีหลากหลายแง่มุมทดลอง และทดสอบความเป็นช่างภาพของเขาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เขาได้แรงบันดาลใจมาจากไหนกัน อันนี้เป็นสิ่งที่ทีมงานเราอดถามไม่ได้ “มันมีทั้ง ‘inside out’ และ ‘outside in’ นะ สำหรับโปรเจ็กต์ส่วนตัว” ปุยนิ่งคิด “งาน ‘inside out’ ก็จะเป็นแบบว่า นอกจาก ‘สวย’ แล้วเราก็จะมีแนวที่เราอยากถ่ายอยู่ในใจ แต่สำหรับเรา ‘outside in’ ก็สำคัญมากๆ เลยนะ ในการเริ่มต้นโปรเจ็กต์ส่วนตัวสักชิ้น เพราะเรารู้สึกว่าภาพของเราทำประโยชน์ได้มากกว่า ‘สวย’ น่ะ ไม่ใช่ดูว่าสวยแล้วจบ เราอยากสื่อสารอะไรบางอย่างออกไปให้คนซื้องานเรา งานโปรเจ็กต์เพื่อสังคมหลายชิ้นของเราก็เริ่มต้นจากความต้องการสื่อสารแบบนี้ คือหา ‘สาร’ ที่ต้องการจะสื่อภายในตัวก่อน และค่อยไปหาโจทย์จากข้างนอกมาตอบสนองสารเหล่านั้น นั่นแหละคือวิธีการทำงานของเรา เราคิดว่าอย่างนั้นนะ”

แล้วถ้าจับงานโปรเจ็กต์ส่วนตัวอย่างต่อเนื่องขนาดนี้ ปุยมองว่าจุดที่ประสบความสำเร็จของตัวเองอยู่ตรงไหนกันแน่ “จะตอบคำถามนี้ได้ต้องดูว่าจุดมุ่งหมายของชีวิตเราต้องการอะไรก่อนนะ”​ เขานิ่งคิด “ตำแหน่งงั้นเหรอ หรือว่าการยอมรับในระดับนานาชาติอะไรแบบนี้ สำหรับเรานะ ตำแหน่งเราก็ผ่านมาแล้ว การได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เหรอ… จุดหมายของเราคืออยากให้คนอื่นรู้จักตัวเรามากขึ้น เพราะการเป็นช่างภาพในวงการนี้คือการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เราอาจจะเคยเป็นที่รู้จักในช่วงปี 2010s ก็ไม่ได้แปลว่าช่วง 2020s จะมีคนรู้จักเรา ทุกอย่างมีขึ้นและมีลงตลอดเวลา เราทำได้แค่พยายามทำผลงานให้เรามีพื้นที่อยู่ตลอดเวลา และพยายามใช้พื้นที่นั้นให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทั้งกับตัวเองและกับคนอื่น โดยสร้างพื้นที่ให้เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับทั้งเราและคนรอบข้างเรา และในขณะเดียวกัน ก็ใช้พื้นที่เหล่านี้เล่าเรื่องที่เราอยากเล่าไปพร้อมกันด้วยครับ”

พิสูจน์อักษร ชลดา สวนประเสริฐ