ภาพ : ธันวา ลุจินตานนท์
เห่อ ตามกระแส แฟชั่น มักถูกมองเป็นการกระทำในด้านลบเสมอ แต่สำหรับแม็ค-ณภัทร รุ้งระวีวรรณ อายุ 20 ปี กลับมองว่านี่เป็นวัยของเราที่ควรจะได้เห่อกับกระแสที่ชื่นชอบให้เต็มที่ และทำมันให้ดีที่สุดเพื่อเป็นการเรียนรู้ในช่วงหนึ่งของชีวิต แม็คเป็นใครมาจากไหน ในช่วงมัธยมปลายเขาเคยปรากฏตัวบนภาพข่าวหลายสำนักจากการแต่งตัวชุดไปรเวทสุดเท่ในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย บวกกับหน้าตาที่เข้ากับเทรนด์ทำให้เด็กผู้ชายคนนี้กลายเป็นเหมือนแฟชั่นไอคอนให้กับเด็กมัธยมเลยทีเดียว เขาได้พาตัวเองไปอยู่หน้ากล้องและใต้แสงไฟไม่ว่าจะเป็นทั้งงานโฆษณาหรือถ่ายแบบก็ตาม แต่วันนี้เราได้มานั่งคุยกับแม็คที่ปัจจุบันได้มาจับงานเบื้องหลังและเป็นคนที่ถือกล้องซะเอง พร้อมกับความเห่อใหม่ของเขาอย่าง “การถ่ายภาพ”
กระแสการถ่ายภาพ
สำหรับแม็คแล้วเขายืนยันเลยว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบอยู่ในกระแสซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากล้องฟิล์มเป็นกระแสในตอนนี้ เขาเคยเผลอกดชัตเตอร์กล้องฟิล์มของพี่สาวแล้วโดนด่ายับเพราะทำให้เสียของโดยใช่เหตุ แล้วพอเขามาถ่ายเอง ช่วงเวลาที่รอล้างทำให้เกิดการเฝ้ารอและลุ้นไปกับมัน นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้คิดถึงภาพทุกภาพที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์ม และเริ่มศึกษาเทรนด์ให้จริงจังมากยิ่งขึ้น
“ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมเราชอบแฟชั่น ไม่รู้เราอาจจะชอบเด่นด้วย อยากพิเศษกว่าคนอื่น เด็กมันก็อยากพิเศษกว่าคนอื่นอยู่แล้ว พอเราชอบแต่งตัว เราไม่อยากได้เท่าที่คนอื่นทำเราอยากได้มากกว่าคนอื่น ถ้าเราลงมาสนามนี้แล้วเราต้องเป็นที่สุดให้ได้ เราก็แต่งตัวจริงจัง ทำให้เราสนใจในเรื่องแฟชั่นเยอะ แล้วพอหลังๆ เรามาถ่ายรูป เราอยากจะทำเหมือนเดิมตอนแต่งตัวคืออยากให้มันไปสุด ให้มันต่างออกมา ศึกษามากยิ่งขึ้น จริงจังมากยิ่งขึ้น” แม็คอธิบายถึงแรงที่ผลักให้เข้าก้าวเข้ามาสู่การถ่ายภาพแล้วเริ่มจริงจังกับมัน การตามกระแสที่จริงจังนี้ทำให้แม็คได้เข้าสู่ช่วงทดลองเขาพบว่าโลกของการถ่ายภาพมีมากกว่าแค่การกดชัตเตอร์เพื่อให้ได้ภาพมาหนึ่งใบ ในช่วงแรกของการถ่ายภาพแม็คเสริมว่าตัวเขาไม่ได้เรียนด้านการถ่ายภาพมาโดยตรงทำให้ภาพที่เขาถ่ายมาไม่ได้ตรงไปตามที่คิด หรือแม้แต่ไม่ได้คิดก่อนจะถ่ายภาพด้วยซ้ำ ซึ่งนี่เป็นจุดที่ทำให้เขาตามหาประสบการณ์และสั่งสม reference เพื่อช่วยให้เขาได้เข้าใจภาพถ่ายมากยิ่งขึ้น
ช่วงเวลาแห่งการทดลอง
ถ้าการถ่ายภาพคือการทดลองสำหรับแม็คแล้วเขาในฐานะนักวิจัยใช้หนูทดลองคืออะไร คำตอบคือ ตัวเอง ในครั้งเมื่อรับงานเป็นแบบเขาได้เห็นกระบวนการถ่ายภาพและคิดว่าหากเขาเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ภาพแนว Self-portrait จึงเป็นส่วนหนึ่งในการทดลองและพัฒนางานของเขา ช่วงเวลานั่งรถไปเรียนเพลินจิต-รังสิต ราวชั่วโมงนี้เขาใช้เป็นเวลาเพื่อเขียนสมมติฐานว่าจะถ่ายงานแบบไหน การที่จะสร้างภาพแบบนี้ต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้างมี เป็นช่วงเวลาที่เขามีสมาธิไม่ต้องสุงสิงกับใคร เขาเคยตื่นขึ้นมากับไอเดียภาพที่ต้องใช้ดาร์กรูมในการทำ post-process จึงทำให้เขาต้องสร้างดาร์กรูมลับๆ ในบ้านของตัวเอง ถามว่าทำไมต้องลับก็กลิ่นของน้ำยาต่างๆ ทำให้คนที่บ้านพากันบ่นถึงกลิ่นของมัน เขาอยากได้เกรนภาพที่แตกต่างออกไป “อย่างภาพที่มีรอยเปื้อนสีแดงเราทดลองอยู่ที่บ้านกระบวนการตอนล้าง ใช้น้ำร้อนน้ำเย็นสลับกันแล้วมันร้อนมาก ทำให้เกิดเกรนแบบนั้นแต่พอลองทำอีกทีก็ไม่เป็นเกรนแบบที่ต้องการ ก็ต้องลองกันต่อไป” แน่นอนว่าการทดลองต้องประสบกับทางตันกันบ้างแม็คบอกกับเราถึงจุดบอดและสิ่งที่ตัวเองขาดนั่นก็คือ คอนเซปต์ “เรามีปัญหาตรงนี้ เราเคยปรึกษากับพี่ที่เขาดูงานอยู่เขาก็บอกนะว่างานของเรามันตื้นเกินมันไม่ลึกพอ เราก็คิดแบบนั้น เราทำรีเสิร์จไม่มากพอ ตอนเราถ่ายก็เลยเน้นวิชชวล ถ่ายเยอะๆ เสพเยอะๆ ตอนนี้ยังไม่มีคอนเซปต์อะไรมาก”
พื้นที่จากพริวิเลจ
‘เพราะหน้าตา’ ‘เพราะรู้จักคนเยอะ’ ‘ถ้าไม่หล่อก็คงไม่ได้งาน’ คำพูดเหล่านี้มักผ่านหูให้เจ้าตัวได้ยินแว่วๆ อยู่บ้าง แต่แม็คก็ยืนยันว่า งานที่ได้มามันก็คงต้องมีส่วนผสมของความสามารถเขาด้วย อีกทั้งโอกาสที่เขาได้มาทำให้เกิดพื้นที่ใหม่ได้ลองทำงานรูปแบบอื่นๆ ด้วย ถ้าเขาไม่ขวนขวายที่จะถ่ายรูปให้เห็นผลงานก็คงไม่มีใครอยากให้เขาถ่ายหรอก แม็คเล่าให้ฟังถึงการทำงานตอนไปเดินแบบแฟชั่นโชว์เขามักจะพกกล้องไปแล้วลองถ่าย ลองใช้อุปกรณ์ที่ได้มาใหม่อยู่เสมอ เขาทำให้ทุกที่ที่ไปเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับเขา อีกทั้งเขายังมีเพื่อนที่ชื่นชอบแฟชั่นและอยากให้เขาถ่ายรูปพร้อมลองสิ่งใหม่ๆ ไปด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นกัลยาณมิตรสายแฟชั่น ที่ซัพพอร์ตเขาทั้งกาย ใจและทุนทรัพย์เลยทีเดียว ยอมให้เขาถ่ายรูปและไปปู้ยี้ปู้ยำภาพในดาร์กรูมส่วนตัวของเขาในบ้านได้อีกต่างหาก
อินฟลูเอนเซอร์ที่อยากสร้างผลงาน
ด้วยยอดฟอลโลเวอร์ในอินสตาแกรมของเขาเป็นที่น่าพอใจให้กับหลายๆ แบรนด์ที่ต้องโฆษณาสินค้าให้เป็นที่รู้จัก แม็คเป็นหนึ่งในตัวเลือกอยู่บ่อยครั้ง เขารับสินค้ามาแล้วสร้างสรรค์ผลงานผ่านสไตล์ที่ตัวเองชอบ เขาไม่อยากให้การถ่ายภาพของเขาในกับแบรนด์ต่างๆ เป็นเหมือนการถ่ายสินค้าทั่วไป เขาจริงจังกับมันเพราะถือว่านี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงฝีมือให้เต็มที่ ไม่ว่าจะทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับเขาก็รับหมดเพราะนี่เป็นการที่เขาได้วางแผนการถ่ายทำตั้งแต่เลือกสถานที่ เลือกสไตล์การแต่งตัว และแนวทางการถ่ายทำ และในที่สุดเขาได้เห็นภาพตัวเองที่เขาอยากให้เป็นแล้วเสียที แล้วหากถามว่าตอนนี้อยากให้ทุกคนมองแม็คว่าเขาคือใคร ช่างภาพหรือนายแบบ แม็คได้ตอบปิดท้ายการสัมภาษณ์นี้ไว้ว่า “ก็นักเรียนอะแหละพี่ สองอย่างที่ทำสำหรับตอนนี้มันคืองานอดิเรก เรากำลังอยู่ในช่วงเสาะหาพื้นที่ที่เหมาะกับเรามากที่สุด เป็นช่วงวัยที่หาตัวตน ยังไม่ได้มองถึงอนาคตขนาดนั้น เพียงแค่เต็มที่กับตรงนี้ก่อน”