brand logo

PHOTO | LIFE | INSPIRATION

May 2025

Alec Soth
แด่ความผิดปกติอันเป็นปกติของมนุษย์
เขียน : ภาสินี ประมูลวงศ์
27 May 2021
1969 - Now

Spoiler Alerts : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วนของ Broken Manual และ House of Coates

 

“คุณอยากเป็นที่รู้จักและได้รับคำชื่นชม ผมไม่ใช่ ผมแค่อยากอยู่คนเดียว” Lester B Morrison พูดขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนากับ Alec Soth

กลางดึกคืนหนึ่งที่สตูดิโอของ Alec Soth ช่างภาพผู้เป็นที่รู้จัก หนังสือเล่มแรกของ Soth ออกตอนปี 2004 ก่อกระแสเป็นวงกว้างในความละเอียดอ่อนและมุมมองแปลกใหม่ มันทำให้เขาได้รับเสนอชื่อเข้า Magnum เอเจนซี่ภาพถ่ายแนว social document ทันที ทั้งๆ ที่งานของเขาไม่ได้ชูประเด็นทางสังคมเป็นหลักด้วยซ้ำ หนังสือเล่มที่สองของเขาที่ตีพิมพ์ในปี 2006 ได้รับคำชื่นชมล้นหลาม และกลายเป็นเล่มตำนานที่ยังคงถูกพูดถึงครั้งแล้วครั้งเล่า เขามีงานภาพถ่ายกับนิตยสารทั้งข่าวและแฟชั่นไม่ขาดมือ แต่งงานกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และมีลูกวัยกำลังน่ารัก ในทางตรงข้ามกับประวัติยาวเหยียดของ Soth แต่ Morrison เราคงเรียกเขาได้เต็มปากว่าชายเร่ร่อน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนปี 2006 Soth นั่งอยู่ที่ห้องสีเทาในสตูดิโอที่เขาเรียกห้องนั้นว่าถ้ำ ในช่วงเวลาเขาในวัย 30 ปลายมีครบพร้อมทุกอย่าง บทสนทนาระหว่าง Soth กับ Morrison เกิดขึ้นท่ามกลางขวดเหล้า หนังสือ กองภาพถ่าย และผนังสีเทาอ่อนที่ Soth ทาเพื่อให้สตูดิโอดูคล้ายถ้ำ ลูกและภรรยาของเขาอยู่บ้านที่ไม่ห่างจากสตูดิโอ และคงหลับใหล เหลือเพียง Soth กับ Morrison เพียงสองคนในคืนเงียบสงัด

“ผมแค่อยากหายไป” Morrison ย้ำ

Morrison เป็นคนที่อยู่ตรงข้ามกับ Alec Soth พวกเขาสองคนโตมาเป็นคนเก็บตัวคล้ายกัน แต่ความเก็บตัวของ Soth ทำให้เขาคลั่งไคล้ในการทำงานภาพถ่าย ในขณะที่ Morrison คลั่งไคล้ในการหลบหนีจากสังคม Morrison ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีเพื่อนเป็นตัวตน และแม้แต่ชื่อหรือเรื่องราวอื่นๆ ในชีวิต ก็ไม่มีใครรู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน

“ประเด็นนี้ยังคงเป็นการต่อสู้ในหัวของผมอยู่เสมอ” Alec Soth พูดในอีกสี่ปีต่อมา “ผมคิดเกี่ยวกับมันเยอะมาก แม้แต่เมื่อวานนี้ก็ยังคงคิดอยู่”

ทั้งความอยากคงอยู่ และความอยากหายไป 

ชีวิตที่มีทุกอย่างตามที่สังคมบอกว่าควรมี และชีวิตที่อยู่นอกกรอบสิ่งที่สังคมบอกว่าดี

ทั้งความจริง และความฝัน

หนังสือภาพถ่ายของ Soth ยืนอยู่บนพื้นที่ตรงกลางระหว่างทุกอย่างนั้น หนังสือของเขาไม่ใช่สารคดี ไม่ใช่ภาพถ่ายสิ่งของ ไม่ใช่ภาพถ่ายบุคคล ไม่ใช่ภาพถ่ายทิวทัศน์ แต่มันคือทุกอย่างที่ว่าจับมัดรวมกัน แล้วร้อยเรียงมันด้วยความรู้สึก เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นดังบทกวี ที่ไม่ได้สนใจไวยากรณ์หรือสัมผัส แต่สิ่งที่สนใจคืออารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมา แม้ว่าเรื่องราวนั้นจะคลุมเครือ รวดร้าว หรือแปลกประหลาดแค่ไหน

และการร้อยเรื่องราวในชีวิตด้วยความรู้สึกก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ไม่ใช่หรือ

————————————————

ตั้งแต่การถ่ายรูปถือกำเนิดขึ้นตอนปลายศตวรรษที่ 19 ทวีปอเมริกาแถบตะวันตกตอนกลาง (Midwest) มักถูกมองเป็นทางผ่านเสมอมา เรามีภาพความจัดจ้านของแถบฝั่งตะวันออกอย่างกรุงนิวยอร์ก ความฮอลลีวู้ดของฝั่งตะวันตกอย่างมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และความรุ่มรวยในวัฒนธรรมของทางใต้อย่างเช่นนิว ออร์ลีนส์ แต่ตะวันตกตอนกลางอย่างเมืองมินนิสโซต้ากลับไม่เคยเป็นหมุดในแผนที่ มันธรรมดาเกินไป ดาษดื่นเกินไป “แม้แต่ผู้ประกาศข่าวยังชอบใช้สำเนียงตะวันตกตอนกลางเลย เพราะมันคือสำเนียงที่ไม่มีสำเนียง” Soth เคยให้ข้อสังเกต ฉะนั้น เมื่อ Sleeping by Mississippi หนังสือภาพถ่ายเล่มแรกของ Soth ออกสู่สาธารณะ ผู้คนจึงตะลึงกับตะวันตกตอนกลางที่ Soth ถ่ายทอด เพราะมันเป็นสถานที่และมุมมองที่ไม่เคยมีมาก่อน

เหตุผลที่เป็น ‘มิสซิสซิปปี’ นั่นเพราะบ้านเกิดของ Soth อยู่ที่มินนิสโซต้า มลรัฐในตะวันตกตอนกลางที่แม่น้ำมิสซิสซิปปีไหลผ่าน เขาเติบโตมาในครอบครัวที่แม่เป็นนักออกแบบภายใน พ่อเป็นทนายความ มีพี่ชายหนึ่งคน แถวบ้านไม่ใช่เมือง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นชนบท เป็นชีวิตธรรมดาโดยแท้

Soth เป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็ก เขาเล่นคนเดียวที่ทุ่งหญ้าหลังบ้าน และเติบโตแบบที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรหรืออยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้น และในยุค 80s ที่สังคมยังไม่ได้หลอมให้เด็กต้องรู้เสมอว่าตัวเองเป็นใครหรือฝันอะไร เขาจึงโตมาแบบไม่ได้รู้สึกผิดแปลก แต่ความชอบในศิลปะก็ถูกจุดประกายขึ้นโดยครูศิลปะตอนเขาอยู่ ม.4 เขารู้ว่าเขาชอบศิลปะ เขาอยากเป็นศิลปิน เมื่อขึ้นมหาวิทยาลัย เขาจึงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับศิลปะ และถึงแม้ว่า Soth จะวาดได้ดี แต่มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เขารัก “ผมรู้สึกเหมือนผมโกงอยู่” Soth เล่า “การทำสิ่งหนึ่งได้ดี แต่ก็ไม่ได้อยากทำมันขนาดนั้น” 

ชีวิตของ Soth ถูกตอบเมื่อ Joel Sternfeld เข้ามาสอนในคาบหนึ่ง Sternfeld เป็นช่างภาพเจ้าของงาน American Prospect ภาพถ่าย American Road Trip ที่ยิ่งใหญ่ในระดับที่เคียงไหล่กับ The Americans ของ Robert Frank ได้ Soth ตาเป็นประกายกับเรื่องราวชีวิตบนรถแวนของ Sternfeld ในช่วงที่เขาขับไปทั่วอเมริกาเพื่อถ่ายภาพ และยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่ Sternfeld ถ่ายเป็นความธรรมดาของทวีปอเมริกา แต่ความธรรมดาที่ถูกมองด้วยสายตาตลกร้ายของ Sternfeld เปลี่ยนความดาษดื่นเป็นความพิเศษ

งานของ Alec Soth จึงเกิดขึ้นได้จากรากของความธรรมดา Sleeping by Mississippi คือเรื่องราวของสถานที่และผู้คนตลอดแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ที่ Soth ขับรถผ่าน Niagara หนังสือเล่มต่อมาของเขาคือเรื่องราวของเมืองไนแองการ่า ที่เขาไปอยู่เป็นเดือนๆ แต่ในขณะที่ Sternfeld มองความธรรมดาอย่างจิกกัด Soth มองความธรรมดาด้วยความเป็นมนุษย์

Soth เห็นความโรแมนติกในสถานที่และผู้คนที่ถูกมองข้าม เขาถ่ายโมเตลราคาถูก ปั๊มน้ำมันกลางทาง และสระว่ายน้ำทิ้งร้าง อย่างที่มันมีความทรงจำอยู่ตามสถานที่เหล่านั้น จดหมาย แก้วน้ำ แหวน ในภาพของเขาส่งต่อความรู้สึกเสมอ รวมถึงผู้คนในภาพของ Soth ที่มักเป็นคนชายขอบสังคม เขาถ่ายโสเภณี คนคลั่งศาสนา ชายเพี้ยน หญิงแก่ เด็กเนิร์ด อย่างที่พวกเขาเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ มีเรื่องราวของตัวเอง และไม่มีอะไรผิดปกติ “ผมว่าเพราะผมเองก็เป็นคนธรรมดาๆ ที่ออกจะประหลาดๆ เช่นเดียวกัน” Soth เคยกล่าวไว้ในหนังสือเมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่าทำไมเขาถึงถ่ายคน สิ่งของ และสถานที่ที่ดูแปลกและไม่น่าสนใจอยู่เสมอ แต่เขาทำให้มันลึกซึ้งได้ในทุกครั้ง

ฉะนั้น หนังสือของ Soth จึงเป็นบทกวีต่อสิ่งธรรมดาสามัญ โดยที่ไม่จำเป็นต้องสวยงามด้วยซ้ำ มันพิเศษในแบบที่มันเป็น

————————————————

Soth พบ Morrison ครั้งแรกตอนกำลังเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ มันคือปี 2006 หลังจากเขาตีพิมพ์ Niagara ไม่นาน เขากำลังเริ่มโปรเจ็กต์ด้วยการออกตามรอยมือวางระเบิดที่หลบหนีตำรวจอยู่ในป่าถึง 5 ปีและบาทหลวงเจ้าลัทธิที่สร้างเขตอาศรมของตัวเองในป่า Soth สนใจเรื่องราวของการปลีกตัวออกจากสังคม ขณะเดียวกันก็กำลังตั้งคำถามกับสิ่งที่ตัวเองทำ ชื่อเสียงที่ตนเองได้รับ และหนทางไปต่อของตัวเอง เมื่อเขากลับบ้าน เขาได้พบกับ Morrison ชายอีกคนที่ปลีกตัวออกจากสังคม ไม่ใช่เพราะกฎหมายหรือความเชื่ออย่างสองคนข้างต้น Morrison แค่อยากหนี

Morrison ได้ทิ้งหนังสือไว้ให้ Soth มันเป็นหนังสือสอนวิธีการหายไปที่ Morrison ทำเองและเรียกมันว่า The Big Manual มันเป็นหนังสือทำมือรวบรวมภาพวาด ภาพตัดแปะ บทกวี และขั้นตอน how to ทุกอย่างปนกันสะเปะสะปะ จากหนังสือนั่นเอง Soth จึงได้ออกเดินทางเพื่อถ่ายภาพตามเก็บสถานที่และเรื่องราวที่เขียนอยู่ มันอาจเป็นอีกข้ออ้างเพื่อให้เขาหลบออกจากชีวิตของตัวเองไปชั่วขณะเพื่อไปเจอวิถีชีวิตอีกแบบที่ Soth ในวัยเด็กอาจโตไปเป็น และที่เขาในวัยเกือบ 40 ก็ยังใฝ่ฝันอยู่ลึกๆ “โปรเจ็กต์ของคุณหลายงานเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างภาพอุดมคติอันโรแมนติกของการเดินทางหนี และความเป็นจริงที่แสนเศร้าของการหนีนั้น” Aaron Schuman นักเขียนเกี่ยวกับศิลปะเคยพูดคุยกับ Soth

“ใช่ และในบางจุด สิ่งที่ผมทำตอนนั้น (การตามรอยหนังสือของ Lester B Morrison) ก็เกี่ยวกับตัวผมเองด้วยเช่นกัน เพราะผมโตมากับวัฒนธรรมอเมริกัน และมันมักมีเรื่องราวของชายในหมวกคาวบอยสีดำที่หนีจากทุกอย่าง เรื่องราวของคนที่เข้ากับสังคมไม่ได้ คนที่อยู่นอกกฎหมาย”

หนังสือของ Morrison ทำให้ Soth ได้พบกับความจริงที่ไม่เท่เหมือนในหนังคาวบอยยุค 80s ‘คนที่เข้ากับสังคมไม่ได้’คือกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในป่า ชายที่ใช้ชีวิตในรถแวน และถ้ำที่เป็นบ้านคน เช่นเดิม Soth ถ่ายภาพผู้คนเหล่านั้นและข้าวของของพวกเขา นำกลับมาที่สตูดิโอ และปะติดปะต่อภาพเข้ากับ The Big Manual ของ Morrison รวมถึงรวบรวมบทสนทนาที่ Soth กับ Morrison คุยกัน 

มันคือระยะเวลา 4 ปีที่ชื่อ Lester B Morrison วนเวียนอยู่ในงานของ Little Brown Mushroom สำนักพิมพ์ที่ Soth ก่อตั้ง และวนเวียนในงานภาพถ่ายของ Soth เอง ในขณะเดียวกัน เราก็เห็น Soth ค่อยๆ ศึกษาโลกอันโดดเดี่ยวของคนชายขอบที่หนีสังคมแบบเดียวกับ Morrison ด้วยสายตาละเอียดอ่อน เมื่อมองจากภาพของ Soth คนที่ดูราวกับฤาษีไม่ได้ดูน่าตกใจเลย เขาแค่เหมือนชายแก่คนหนึ่งที่มีชีวิตในรูปแบบของตัวเองเท่านั้น ข้าวของของพวกเขาเป็นของเก่าๆ ราคาถูก แต่มันกลับดูมีชีวิตขึ้นมาจากภาพของเขา Soth ทำสิ่งที่เขาทำได้ดีอีกครั้ง มุมมองของเขาดึงความเป็นมนุษย์ออกมาแสดงจากเรื่องราวสุดพิสดารทุกประเภท

และแล้ววันหนึ่ง ก็เหมือน Morrison หายไปจากชีวิตของ soth อย่างหมดจด Soth ออกหนังสือ House of Coates ตอนปี 2012 เป็นเล่มสุดท้ายที่พูดถึง Morrison มันคือหนังสือก้ำกึ่งระหว่างความจริงและเรื่องแต่งที่ Brad Zellar เพื่อนของ Soth เขียนเล่าทั้งชีวิตของ Morrison ควบคู่กับภาพที่ถ่ายโดย Soth หนังสือจบเล่มด้วยบทความจากนักข่าวที่เสาะหาความจริงเรื่อง Morrison และพบสุสานที่เผยความจริงอันน่าตกใจ

สุดท้ายแล้ว The Big Manual ของ Morrison ถูก Soth เปลี่ยนชื่อเป็น Broken Manual อาจเป็นเพราะไม่ว่าจะหนีอย่างไร ชีวิตก็จะหาเราจนพบ

————————————————

“คุณคิดว่างานของคุณรุกล้ำความเป็นส่วนตัวและใช้คนที่คุณถ่ายเพื่อประโยชน์ทางการค้าไหม”

คำถามจากผู้ชมถูกส่งขึ้นบนเวที Soth ได้รับคำถามเช่นนี้ในงานทอล์คอย่างต่อเนื่องในช่วงปีหลังๆ มานี้ มันคือปี 2019 เกือบสิบปีหลัง Broken Manual และ Soth เองก็เปลี่ยนจากชายวัยกลางคนที่พยายามค้นหาที่ทางของตัวเองในโลก เป็นผู้ใหญ่ที่สบายใจกับที่ที่ตัวเองอยู่มากขึ้น Soth ยังคงถ่ายจากการเดินทาง งานของเขาในช่วงหลังเน้นหนักไปที่ผู้คน

ในปัจจุบันที่คนเราตระหนักว่าตัวตนมีราคา ประเด็นมูลค่าของภาพควรเป็นของช่างภาพหรือแบบที่ถูกถ่ายย่อมเป็นถูกตั้งคำถาม และในยุคสมัยที่คุณค่าของทุกอย่างพลิกได้ด้วยคำถามทางศีลธรรมเช่นนี้ soth เองก็ยังคงค้นหาคำตอบของคำถามนี้อยู่เช่นเดียวกัน “ผมไม่รู้สึกผิดกับการถ่ายภาพผู้คนนะ หลายครั้งที่คนที่ผมถ่ายกลับมาพูดกับผมว่าพวกเขาดีใจแค่ไหนหรือมันมีคุณค่ากับเขามากแค่ไหน นั่นเป็นคำตอบสำหรับผมแล้ว ส่วนเรื่องการขายงานหรือตีพิมพ์งานจำหน่าย นั่นต่างหากที่ผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้”

ด้วยประเด็นทางจริยธรรมที่ซับซ้อนขึ้น ความรวดเร็วของกระแสสังคม และตัว Soth เองที่ทำงานไม่ได้พักมาตลอดกว่าสามสิบปี Soth จึงตัดสินใจใช้เวลาเพื่อใคร่ครวญกับตัวเอง เขาไม่จับกล้องอย่างจริงจังเป็นปี เขาไม่แม้แต่รับถ่ายงานแฟชั่นหรือนิตยสาร “ผมมีบ้านสวนอยู่ในที่ดินเล็กๆ ที่ผมซื้อเมื่อปีก่อน ผมจะไปที่นั่นเพื่อดูแสง อยู่กับสภาพอากาศของธรรมชาติ บางครั้งผมอ่านหนังสือ ผมไม่พยายามคิดว่าอยากทำ project อะไร” Soth เล่า “ถ้ามันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นเอง” 

Soth กลับมาถ่ายโปรเจ็กต์ที่ต่อมาจะกลายเป็น I Know how Furiously Your Heart is Beating ประมาณ 1 ปีหลังจากที่เขาพัก ในโปรเจ็กต์นี้ Soth ออกเดินทางเพื่อถ่ายภาพผู้คนอย่างที่เขาทำมาตลอดราวกับเขาเกิดมาทำสิ่งนี้และมันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ “ผมคิดกับตัวเองว่า ครั้งนี้ ผมจะไม่ทำมันแบบเดิม ผมจะใช้เวลากับพวกเขามากขึ้นอีก พูดคุย ทำความรู้จัก ไม่ใช่แค่การขับรถไปเรื่อยๆ เจอคน แล้วให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ได้อยากทำเพื่อภาพถ่าย” I Know how Furiously Your Heart is Beating จึงเป็นงานที่ถ่ายในบ้านของคนคนนั้น ในพื้นที่ที่พวกเขารู้สึกปลอดภัยที่สุด สบายใจที่สุด และเป็นตัวเองเต็มที่ เพราะแม้แต่บ้านเองก็บ่งบอกตัวตนของผู้คนได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ผู้คนในภาพของเขาดูมีความสุขขึ้น และจากอินสตาแกรมกับบทสัมภาษณ์ ตัว Soth เองก็ดูมีความสุขขึ้นเช่นกัน “ผมคิดว่าการสร้างชีวิตแบบที่คุณสามารถอยู่กับขณะนี้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้คือชีวิตที่มีความสุข” ชีวิตแบบที่เราทำงานเพื่อคนตรงหน้า เพื่องานตรงหน้า และชีวิตตรงหน้า ไม่ใช่เมื่อวาน ไม่ใช่พรุ่งนี้ และไม่ใช่ทั้งความฝันหรืออุดมคติ

Soth เติบโตขึ้นจากงานที่เขาทำ ทั้งด้านแนวคิด และจิตใจ

ปัจจุบันสำนักพิมพ์ Little Brown Mushroom ของ Soth ยังคงออกหนังสืออย่างต่อเนื่อง ทั้งหนังสือภาพหนังสือทั่วไป และหนังสือแนวทดลอง Soth ขยับขยายสิ่งที่ทำไปสู่วิดีโอที่เล่าเรื่องงานภาพถ่ายรวมถึงความรู้ด้านศิลปะ ภาพถ่ายของ Soth อยู่ทั้งในหนังสือ งานนิทรรศการ ผนังห้องสมุด และปกซีดีเพลง เขายังคงถ่ายให้นิตยสารบ้าง และใช้สตูดิโอสีเทาอ่อนแห่งเดิมนั้นเป็นห้องสมุดในสตูดิโอ สีเทาของมันไม่ได้หมายถึงถ้ำที่ Soth หลบหนีโลกมาอยู่อีกแล้ว แต่หมายถึงวิกฤติวัยกลางคนที่ได้ผ่านพ้น ตัวตนที่เขาเลือกทอดทิ้ง ช่วงเวลางุนงงกับชีวิตที่เขาเลือกเดินต่อ และไม่หันกลับไปมองอีก

ส่วน Lester B Morrison แท้จริงแล้วคือใคร

คงตอบได้เพียงว่า คืนนั้นที่ Alec Soth กับ Lester B Morrison พูดคุยกัน ในสตูดิโอมี Alec Soth นั่งอยู่เพียงผู้เดียว

Reference: 

  1. Alec Soth with Francesco Zanet: Pingpong Conversation (Book), Alec Soth and Francesco Zanet
  2. Sleeping by Mississippi (Photobook), Alec Soth 
  3. Niagara (Photobook), Alec Soth
  4. I Know How Furiously Your Heart Is Beating (Photobook), Alec Soth
  5. Alec Soth, Access from alecsoth.com
  6. The Big Manual, Alec Soth Meets Lester B Morrison by Fantom 

Access from https://www.fantomprojects.org/the-big-manual-alec-soth-meets-lester-b-morrison/

  1. Broken Manual: Alec Soth in Conversation with Aaron Schuman, Magnum Photo, Access from https://www.magnumphotos.com/theory-and-practice/broken-manual-alec-soth-aaron-schuman/
  2. The Mississippi: An Interview with Alec Soth, Aaron Schuman,

Access from https://www.aaronschuman.com/sothinterview.html

  1. A Conversation with Alec Soth About  Art and Doubt by Tanya Yanagihara, The New York Times Style Magazine, Access from https://www.nytimes.com/2019/03/20/t-magazine/alec-soth.html
  2. Interview: with Dialogue// Alec Soth by Rim Boshernitsan, The Dialogue, Access from https://alecsoth.com/photography/media/pages/about/3830668158-1588357208/2020_03-indialogue_soth.pdf
  3. A Conversation with Stephen Shore by Alec Soth, Financial Times,

Access from https://www.ft.com/content/e81096de-726b-11e9-bf5c-6eeb837566c5

  1. Little Brown Mushroom, Instagram
  2. Little Brown Mushroom, YouTube
พิสูจน์อักษร : ชลดา สวนประเสริฐ